
สิ่งที่โรงเรียนปัญญาประทีปให้และอยู่กับตัวหนูมาตลอดคือคำว่า ทำปัจจุบัน/วันนี้ให้ดีที่สุด เต็มที่ แล้วปล่อยวางผลของมัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงชีวิตการเรียน ต้องสอบ ต้องทำงาน ต้องแข่งขัน ช่วงเรียนจบทำงาน หรือแม้แต่เรื่องราวในชีวิตที่ต้องเจอในครอบครัว หรือความสัมพันธ์ของเพื่อน หรือคนรู้จัก ทุกๆ เหตุการณ์มักจะมีเรื่องที่เราผิดหวังอยู่ในนั้นเสมอ เราตั้งเป้าเอาไว้ แต่ไม่เป็นดั่งที่คิด หรือแม้กระทั่งมีสิ่งที่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และสิ่งเหล่านี้ บางที ก็ทำให้เรารู้สึกท้อแท้ เหนื่อย ทำไมถึงไม่เป็นดั่งที่เราตั้งใจไว้ แต่เมื่อไหร่ที่หนูคิดว่า ทุกๆ อย่างที่หนูทำ หนูทำมันอย่างเต็มที่และดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของหนูจะทำได้แล้ว หนูจะรู้สึกสบายใจมากขึ้น ยอมรับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจและมีความสุขกับสิ่งที่เป็นมากขึ้น อย่างที่บอกค่ะ ถ้าวันนี้เราทำเต็มที่แล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เราก็จะไม่เสียใจ เมื่อเราทำปัจจุบันให้ดี ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้น เราก็ปล่อยวางและยอมรับผลของมัน อดีตเป็นสิ่งที่เราแก้ไขไม่ได้ ที่เราทำได้คือ ปัจจุบัน และเมื่อเราทำปัจจุบันให้ดี นั่นคือการสร้างเหตุให้เกิดในอนาคต เราก็แค่ทำวันนี้ให้ดี และรอดูผลลัพธ์ของมันค่ะ ทุกครั้งที่คิดแบบนี้มันทำให้หนูมีกำลังใจ ที่จะทำมันต่อ หรือเดินก้าวไปข้างหน้าได้อย่างภูมิใจ ไม่เสียใจ และผ่านทุกความท้อแท้ หรือผิดหวังในอดีตมาได้เสมอ
และยังมีเรื่องการมีสติและรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองค่ะ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่จับต้องได้ยาก ทำได้ยาก แต่หนูคิดว่า สติ คือเรื่องที่เราสามารถนำไปใช้ได้จริงๆ ไม่ว่าจะกับเรื่องใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เวลาเราเจอเรื่องเครียดๆ งานเยอะ จัดการเวลายาก ถ้ามีสติ เราจะค่อยๆ คิดทำไปทีละขั้นตอน แล้วผ่านมันไปได้ รวมไปถึงเรื่องของเพื่อน เช่นเวลาเราทะเลาะกันหรือความเห็นไม่ตรงกัน บางครั้งเราอาจจะพูดไปด้วยความโมโห โกรธ ไม่พอใจ แต่เมื่อไหร่ที่เรารู้เท่าทันความรู้สึกของเรา เราจะหยุดคิด แล้วมีเวลากับความรู้สึกของตัวเอง และรู้ว่า ณ ตอนนั้น เราควรทำและพูดอย่างไร จัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร และอารมณ์มักเกิดขึ้น แล้วเดี๋ยวมันก็จะหายไป
สติกับการรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองใช้ได้แม้กระทั่งตอนที่เราทำงานแล้ว ได้เจอผู้คนมากมายที่นิสัยหรือแนวความคิดไม่ตรงกับเรา ถ้ามีเพื่อนร่วมงานมาพูดกับเรา ระบายความรู้สึกกับเรา เราเองในฐานะผู้ฟัง การมีสติและรู้เท่าทัน ทำให้เราไม่นำตัวเองเข้าไปอยู่ในความรู้สึกนั้นๆ สามารถให้คำแนะนำเพื่อนอย่างมีสติ และมีประโยชน์มากขึ้น ถึงบางครั้งอาจจะช่วยเพื่อนไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เพื่อนเรามีสติ หรือเปิดมุมมองในอีกมุมที่เพื่อนไม่ได้ทันนึกถึงได้ สุดท้ายที่สำคัญคือ เมื่อเราให้คำแนะนำเพื่อนได้ นั่นคือ การเตือนตัวเราเองให้มีสติด้วยเช่นเดียวกัน
6 ปีที่เรียนอยู่ที่นี่ วงกลมกัลยาณมิตร เป็นกิจกรรมในโรงเรียนที่ประทับใจที่สุด เพราะทำให้เราลดอัตตาตัวตนของเรา ลดทิฐิ กล้าพูด กล้าคิด และทำสิ่งต่างๆ อย่างมีสติมากขึ้น ขอบคุณ ขอโทษ ชื่นชม ตักเตือน สิ่งเหล่านี้ใช้ได้จริงในชีวิตของเรา แม้การทำอย่างมีสติและเปิดใจ จะเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับหลายๆ คน แต่เมื่อทำได้ เรื่องราว หรือ ปัญหาหลายๆ อย่างก็คลี่คลายลงได้มากขึ้น แม้จะออกไปจากโรงเรียนแล้ว แต่ในรั้วมหาลัยเวลามีปัญหากับเพื่อนและเรากล้าพูดสิ่งเหล่านั้น ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น ลดความรุนแรงทางอารมณ์ และคืนดีกันได้ค่ะ วงกลมกัลยาณมิตรไม่ได้ใช้ได้แค่กับเพื่อน แต่กับผู้ที่อายุมากกว่าเราหรือผู้ปกครอง ก็ยังสามารถใช้ได้ เรากล้าที่จะพูดแนะนำท่านอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความเข้าใจ และคำพูดที่มีสติ และหลายครั้งสิ่งเหล่านั้นที่เราพูดก็มีประโยชน์ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นและทำให้เข้าใจกันมากขึ้นค่ะ
นอกเหนือจากเรื่องราวของการนำสิ่งดีๆ ที่ได้จากปัญญาประทีปไปปรับใช้นอกรั้วโรงเรียนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยหายไปจากใจเลยคือมิตรภาพคำว่าเพื่อนค่ะ เพื่อน คือความทรงจำที่ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี ก็ไม่มีวันลืม เพราะเราใช้เวลา และใช้ชีวิตตลอด 6 ปีที่ผ่านมาด้วยกัน ผ่านทุกข์ สุข วีรกรรมทั้งดี หรือเปิ่นซ่าในโรงเรียนมาด้วยกัน การทะเลาะกัน คืนดีกัน ทุกๆ ก้าวในช่วงชีวิตมัธยม มีพวกเขาอยู่เสมอ ปัจจุบัน ถึงเราจะไม่ได้เจอกันบ่อย หรือคุยกันตลอด แต่ทุกครั้งที่เราเจอกัน จิ๊กซอว์ของพวกเราก็ต่อกันติดเสมอ มีความสุขเสมอที่ได้กลับมาเจอกันและพูดถึงเรื่องราวต่างๆ ทั้งอดีตและปัจจุบันและอนาคตไปด้วยกัน เพื่อนคือที่สุดและเป็นความทรงจำที่ไมมีวันลืมของหนูตลอดไป
