“กัลยาณมิตร” เป็นสิ่งแรกที่นึกถึงเวลาพูดถึงปัญญาประทีป เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่กัลยาณมิตรกับเพื่อนในห้อง แต่เป็นกัลยาณมิตรที่ได้จากทุกๆ คนจริงๆ ทั้งคุณครู บุคลากร ผู้ปกครองทุกๆ ท่าน หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่รุ่นน้อง ปัญญาประทีปเป็นที่ๆ ทุกคนสนิท จริงใจ และหวังดีกันจริงๆ ไม่มีเลยว่าใครเด่นกว่าใครและจะอิจฉากัน มีแต่ใครได้ดีทุกคนยิ่งดีใจตามไปด้วย ซึ่งทำให้รู้สึกว่าเป็นความทรงจำที่จะไม่มีวันลืมเลย เพราะกัลยาณมิตรนี้ได้กลายเป็นความสุขไปแล้วทุกๆ ครั้งที่นึกถึง
มีสิ่งหนึ่งที่ได้นำมาประยุกต์ใช้หลังจากเรียนจบจากปัญญาประทีปคือ “วงกลมกัลยาณมิตร” เป็นสิ่งที่ได้ใช้บ่อยครั้ง เวลาจะเริ่มทำงานใหญ่ๆ หรือเริ่มทำงานไปแล้ว เช่น ตอนทำวิทยานิพนธ์ พอทำกันหลายๆ คน ก็มีผิดใจกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง พอได้ใช้วงกลมกัลยาณมิตรมาจัดการกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ช่วยได้มากจริงๆ เพราะในวงกลมกัลยาณมิตร เราจะไม่ได้มีแค่การแนะนำกันที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกแย่ แต่มีทั้ง การขอบคุณ ชื่นชม และขอโทษ ซึ่งพอมารวมกันแล้ว สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นได้ทั้งกำลังใจ และพลังในการปรับปรุงตัวเองให้พัฒนาดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นคือวงกลมกัลยาณมิตรไม่ได้ช่วยแค่เพียงคนๆ เดียว แต่ช่วยได้กับทุกคน เพื่อนในมหาวิทยาลัยยังบอกว่าช่วยได้มาก และพอทำงานต่อ ทุกคนทำงานได้ดีขึ้น เข้าใจและเปิดใจกันมากขึ้น
หลังจากเรียนจบจากปัญญาประทีป มีเหตุการณ์อยู่ 2 ครั้งใหญ่ๆ ที่ล้มหนักมาก ชีวิตมีแต่ความทุกข์ มีแต่ความน่าเบื่อ จนรู้สึกว่านี่มันปีชงของเราหรือเปล่า แต่พอได้ระลึกถึงพระอาจารย์ชยสาโร พยายามนั่งสมาธิ ทั้งๆ ที่ปกติจะไม่ค่อยชอบนั่ง กลับกลายเป็นว่าเริ่มดีขึ้น มีสติ มีสมาธิในการแก้ไขหาทางออก แต่สำหรับบางเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถแก้ได้ ก็พยายามคิดบวก ต่อสู้กับความทุกข์ เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่จมไปกับมัน สุดท้ายก็ทำให้ลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้งและมีความสุขมากขึ้น