โรงเรียนที่ไม่ได้มีแค่วิชาการ

Share

      เมื่อก่อนเมื่อพูดถึงโรงเรียน ผมจะนึกถึงภาพสถานที่ที่มีเด็กนักเรียนนั่งอยู่เต็มห้องแต่บรรยากาศช่างตึงเครียดและเงียบเชียบ มีคุณครูหน้าตาดุดันถือไม้เรียวยือยู่หน้าห้องถัดจากกระดานดำ และพร้อมจะทำโทษเด็กอยู่เสมอ 

      แต่เมื่อได้รู้จักกับโรงเรียนแห่งหนึ่ง และได้เข้ามาใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนนั้น ก็เปลี่ยนภาพจำของคำว่าโรงเรียนในหัวผมออกไปอย่างสิ้นเชิงเลยครับ

      ผมกำลังพูดถึงโรงเรียนปัญญาประทีป โรงเรียนมัธยมที่ผมได้เรียน และจะขอเล่าถึงสิ่งที่ได้จากชีวิตตลอด 6 ปีที่นั่น ซึ่งไม่ได้ให้เพียงแค่ความรู้ในด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้วิชาชีพ วิชาชีวิต และทักษะต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ตลอดชีวิต รวมไปถึงความทรงจำอีกมากมายที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่นอีกแล้ว

      หากให้เลือกความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในปัญญาประทีปมาหนึ่งอย่าง อาจจะเลือกยากไปนิด แต่จะขอเล่าถึงความทรงจำในกิจกรรม Clear and Clean ที่สนุกที่สุด นั่นคือช่วงที่ผมอยู่ ม.1 ก่อนปิดเทอมกลางภาคเรียนที่ 1 ในตอนนั้นผมได้ทำความสะอาดหอพักนักเรียนชาย (ที่ปัจจุบันกลายเป็นหอพักคุณครูไปแล้ว) ผมและเพื่อนๆ ต้องทำความสะอาดห้องนอนของตัวเองก่อนจะมาทำความสะอาดทางเดินต่อ

      เมื่อพวกเราทำความสะอาดห้องนอนเสร็จแล้ว ก็ไปทำความสะอาดทางเดินกลางของหอ ซึ่งนอกจากจะต้องกวาดถูและขัดแล้ว ยังต้องเอาน้ำมาล้างทางเดินนี้ด้วย (สามารถใช้น้ำได้เพราะทางเดินของหอพักเปิดโล่ง และมีระบบระบายน้ำ) ในตอนแรกพวกเรากับรุ่นพี่และคุณครูพ่อก็ทำความสะอาดกันปกติ กวาดพื้น ขัดพื้น ถูพื้น แต่ในช่วงที่ต้องใช้น้ำมาล้างทางเดิน อยู่ๆ ก็เหมือนกับว่าพื้นที่บริเวณหอพักกลายเป็นสนามรบ เมื่อเพื่อนๆ ของผมนำน้ำมาสาดใส่กันอย่างเมามัน! ซึ่งก็แน่นอนว่าผมและรุ่นพี่บางคนก็เข้ามาร่วมวงด้วย ต่างฝ่ายต่างสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน และน้ำเหล่านั้นก็ได้ชะล้างสิ่งสกปรกที่ทางเดินไปพร้อมๆ กันด้วย 

      กิจกรรมในครั้งนี้เป็นกิจกรรม Clear and Clean ครั้งแรกของผมที่ปัญญาประทีป ในตอนแรกผมคิดว่ามันจะเป็นเพียงการทำความสะอาดที่น่าเบื่อ แต่แท้ที่จริงแล้วมันก็มีส่วนที่สนุกอยู่เช่นกัน และก็คงเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ผมคงไม่มีวันลืมแน่นอน

      หากเปรียบกับการเดิน ช่วงเวลาในรั้วปัญญาประทีปก็คือการหัดเดิน ที่ทุกคนพร้อมจะชี้แนะและช่วยเหลือเรา แต่ช่วงเวลาหลังจากนั้น คือช่วงที่เราจะได้เดินผจญภัยด้วยตัวเองอย่างแท้จริง แน่นอนว่ามันย่อมมีปัญหาเสมอ แต่เราก็สามารถนำทักษะและประสบการณ์จากช่วงหัดเดินมาแก้ไขได้ ดังเช่นช่วงที่ผมผ่านการเป็๋นนักเรียนมัธยมจากปัญญาประทีป เข้าสู่การเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างเต็มตัว

      ช่วงประมาณปี 1 เทอม 2 เป็นช่วงที่ผมรู้สึกว่างานเยอะมากๆ  เพราะมีทั้งวิชาบังคับของคณะ วิชาศึกษาทั่วไปที่ต้องเรียนรวม แต่ละวิชามีงานเยอะมาก ทั้งงานชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ งานกลุ่ม งานเดี่ยว พองานเยอะแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ก็เลยเริ่มรู้สึกเครียด ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด จนเมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็ลองใช้วิธีนั่งสำรวจความคิดความรู้สึกของตัวเองไปเรื่อยๆ คล้ายกับการนั่งสมาธิที่เคยทำที่โรงเรียน

      เมื่อได้ลองเฝ้าดูอารมณ์ผ่านไปผ่านมา ก็ทำให้จิตใจสงบลง หลังจากนั้นผมจึงค่อยๆ วางแผนการทำงานว่าจะทำงานใดเมื่อไรบ้าง จนตัวเองทำงานตามแผนและงานก็เสร็จในที่สุด ถึงแม้ว่างานจะเยอะ แต่พอจิตใจสงบ มีสติมากขึ้น ก็ทำให้เรามองเห็นภาพกว้างมากขึ้น ในตอนแรกเราอาจจะมองเห็นแค่ว่า งานเยอะ ไม่อยากทำ เครียด ภาพมันมัว มันวุ่นวายเพราะอารมณ์ที่วิ่งพล่านไปมา แต่พอจิตใจเราสงบ เราก็จะสามารถจัดระเบียบความคิดได้มากขึ้น เห็นว่าแท้จริงแล้วงานเหล่านั้นเป็นอย่างไร ต้องทำอย่างไรบ้าง เห็นเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น และเราก็สามารถวางแผนเพื่อรับมือกับงานนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ก็ยังทำให้เรามีเวลาไปทำสิ่งอื่นๆ อีกด้วย

    ผมคิดว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากปัญญาประทีปและมีประโยชน์มากคือ Critical Thinking (หรือ “คิดเป็น” ในคำศัพท์ของชาวปัญญาประทีป หากเป็นคำศัพท์เชิงวิชาการอาจเรียกว่า “การคิดอย่างมีวิจารณญาณ” หรือ “การคิดเชิงวิพากษ์”) ซึ่งเป็นทักษะที่โรงเรียนในหลายๆ ประเทศพยายามเน้นให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะนี้ผ่านกิจกรรมที่ฝึกให้นักเรียนคิด ตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็น แต่อาจยังพบได้ไม่มากนักในโรงเรียนไทย

    อย่างไรก็ดี ที่ปัญญาประทีปก็มักจะมีกิจกรรมให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งกิจกรรมในชั่วโมงเรียนและนอกชั่วโมงเรียน ซึ่งไม่ได้เน้นเพียงแค่ให้นักเรียนจำเนื้อหาความรู้ไปตอบข้อสอบเพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นให้นักเรียนได้รู้จักนำความรู้ที่ได้ไปคิดวิเคราะห์และประเมินค่าอีกด้วย รวมทั้งคณาจารย์ก็เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์ที่ถึงแม้จะแตกต่าง แต่ก็สามารถยอมรับกันได้

    ทักษะ Critical Thinking นี้สามารถนำมาใช้ในชีวิตภายนอกโรงเรียนได้ เช่น กิจกรรมในชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัย เราก็สามารถนำทักษะนี้มาใช้ทำความเข้าใจบทเรียนหรือทำงานที่เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาได้ ขอยกตัวอย่างในสาขาภาษาไทยที่ตัวผมเรียน การทำวาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ (Critical Discourse Analysis) ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ทักษะนี้ในการวิเคราะห์การสร้างข้อความขึ้นมาเพื่อให้เห็นถึงเจตนาและอำนาจของผู้ส่งสาร รวมถึงข้อมูลมากมายจากโลกออนไลน์ ทักษะนี้ก็จะช่วยให้เราสามารถวิพากษ์ข้อมูลที่เรารับมาได้ว่ามีความจริงเท็จ น่าเชื่อถือแค่ไหนได้เช่นกัน
    
    นอกจากโรงเรียนปัญญาประทีปจะให้ความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังได้มอบวิชาชีพ วิชาชีวิต ทักษะต่างๆ กัลยาณมิตร รวมถึงความทรงจำอันมีค่าแก่ตัวผม ซึ่งผมมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยเหลือผมให้สามารถมีชีวิตรอดต่อไปในโลกอันกว้างใหญ่นี้ครับ

ร่มเกล้า สอาดชูชม (ปลานิล) 
รุ่นตุ๊กแก 1 ปี 2561