Right Place = Life Changed

Share

      หนูคิดว่าความประทับใจเกี่ยวกับปัญญาประทีปที่ไม่มีวันลืม น่าจะเป็นมิตรภาพดีๆ อยู่ปัญญาประทีปก็เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ทุกคนที่นี่เป็นกัลยาณมิตร เป็นครอบครัว ความรู้สึกนี้มันเป็นความรู้สึกดีที่เก็บอยู่ในความทรงจำหนูเสมอ แต่เมื่อเราเรียนจบแล้วความรู้สึก ‘คิดถึงปัญญาประทีป’ หวนกลับมาอีกครั้ง และเกิดการเปรียบเทียบตอนได้รู้จักเพื่อนใหม่ บรรยากาศใหม่ๆ ที่มหาวิทยาลัย ความรู้สึกไม่เชื่อใจคนรอบข้าง ระแวง ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำกับเราจริงใจไหมหรือเขาต้องการอะไร ซึ่งไม่เหมือนตอนอยู่โรงเรียน มันเหมือนความสบายใจที่มีอยู่ทุกที่และกับทุกคน หนูรู้สึกเป็นกันเองกับทุกคนในปัญญาประทีป ไปคุยเล่นกับป้าแจ๋ว พี่ๆ ห้องครัว เดินไปกอดคุณครู หรือไปที่ไหนก็มีเรื่องให้ทักทายน้องๆ เสมอ ทำให้รู้สึกว่าช่วงเวลาแบบนั้นมันมีค่าและก็อยากให้ทุกคนเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดีๆ ไม่ใช่เก็บความขุ่นเคือง ความชอบติ เพราะจริงๆ ความสุขมันก็อยู่ที่การมองโลกของเรานี่เองค่ะ 

      ส่วนกิจกรรมของโรงเรียนที่ประทับใจเป็นพิเศษคือกิจกรรมสมหญิง (กิจกรรมในหอพัก) ค่ะ รู้สึกเป็นประโยชน์ตรงที่เหมือนหนูมีที่ปรึกษา เพราะจริงๆ แล้ว เรื่องแฟน การดูแลตัวเองต่างๆ  การวางตัว หนูก็ไม่ค่อยได้คุยกับที่บ้านมากเท่าไหร่เพราะอาย แต่ที่หอพักมีทุกเดือน ตอนนั้นหนูรู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์และทำให้เราได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากกิจกรรมด้วย ได้ชวนให้คิดเรื่องการมีคู่ต่างๆ ถึงตอนนี้หนูจะยังไม่มีแต่ก็ต้องบอกว่ากิจกรรมสมหญิงทำให้ระแวดระวังและช่างเลือกมากขึ้นค่ะ

      ถ้าถามว่าได้เอาพุทธปัญญาไปใช้อย่างไรบ้าง หนูรู้สึกว่ามันยากมากถ้าจะให้ระบุเป็นฉากๆ กับพุทธปัญญาที่ใช้เป็นข้อๆ เพราะหนูรู้สึกว่าหลักธรรมที่เรียนรู้จากโรงเรียนเป็นสิ่งที่ประยุกต์อยู่ในตัวแล้ว เวลาแก้ไขปัญหาก็ใช้หลักธรรมหลายข้อด้วยกัน แต่ถ้าให้เลือกอันเดียวเลยจริงๆ ขอตอบเรื่องอดทนใจสู้ค่ะ มีช่วงหนึ่งตอนเรียน ​Pre-College ของมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นสิ่งที่ฝืนความเคยชินของหนูมากเพราะต้องเรียน Academic English ตั้งแต่ 8 โมงเช้า - 6 โมงเย็น บวกกับใจที่ไม่ค่อยจะจดจ่อ เพราะ Pre-College ก็เหมือนกับยังไม่ติดมหาวิทยาลัยเต็มตัว หนูคิดแค่อย่างเดียวว่า เรามาถึงตอนนี้ต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียวไม่ถอยหลัง และต้องคิดว่ามันเป็นประโยชน์กับเราที่เราจะได้ใช้ในเวลาใกล้ๆ นี้จริงๆ ก็เลยอดทนเรียนมาจนผ่านและได้เรียนสาขาที่ชอบอย่างที่ตั้งใจค่ะ

      นอกจากนี้ส่วนตัวหนูรู้สึกว่า “การทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว” ก็เป็นสิ่งที่ได้เอาไปใช้ค่ะ เพราะมันจำเป็นมากที่เราต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร หนูชอบคำสอนของ พระอาจารย์ชยสาโรที่ท่านบอกว่า “ไม่ใช่จบจากปัญญาประทีปคือหยุดเรียนรู้ แต่เราต้องทำตัวให้เป็นนักเรียน (รู้) ตลอดชีวิต” คำพูดนี้เตือนสติไว้ตลอดเวลาเวลาหนูรู้สึกขี้เกียจแล้ว รู้สึกเก่งแล้ว จริงๆ หนูรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่ปรับใช้กับการเรียนรู้ ไม่ใช่แค่เนื้อหาในห้องเรียน แต่เราต้องเรียนรู้ทั้งคนอื่น เรียนรู้ชีวิตของเรา และพัฒนาให้ดีกว่าตัวเราเมื่อก่อน แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว

ชินทัตตา ไพศาลกิจรุ่งเรือง (จูน)
รุ่นมดแดง 1 ปี 2563