ตั้งแต่ผมได้มาดูโรงเรียนครั้งแรกก่อนเข้าเรียนชั้น ม.1 สิ่งที่ผมรู้สึกประทับใจแต่แรกเห็น และยังคงเป็นภาพจำของโรงเรียนเรื่อยมาคือธรรมชาติรอบโรงเรียน ทั้งทางเดินริมสระน้ำขนาบด้วยแนวไผ่ที่ส่งเสียงกระทบกันทุกครั้งเมื่อลมโชยมา หรือในช่วงปลายปีที่มีลมหนาวพัดมาทักทาย การใช้ชีวิตท่ามกลางบรรยากาศที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในเมืองเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมรู้สึกสงบจิตสงบใจท่ามกลางโลกที่เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้มาใช้ชีวิตที่นี่ได้ระยะหนึ่ง ผมก็พบว่าทั้งคุณครูและบุคลากร รวมไปถึงรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อนในโรงเรียนต่างพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่กันและกันอย่างทุ่มเท เป็นสิ่งที่ในตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถให้สิ่งเดียวกันกับคนที่มาขอความช่วยเหลือจากผมได้ไหม แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมในความเป็นกัลยาณมิตรของสมาชิกในชุมขน และอยากจะพัฒนาตนเองให้สามารถสร้างประโยชน์แก่ผู้คนได้เช่นนั้นบ้าง แน่นอนว่าเมื่อมีความสุข ก็ย่อมมีความทุกข์ตามมาเป็นปรกติ ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งกับตัวเองและกับผู้อื่น ผมและเพื่อนก็จะก้าวผ่านไปได้ด้วยการเปิดใจพูดคุยและร่วมกันปรับแก้ไปพร้อม ๆ กัน เพราะการอยู่อาศัยในโรงเรียนก็ถือเป็นการจำลองสังคมเล็กๆ ที่สมาชิกมีความแตกต่างกัน บางนิสัยก็ถูกใจเรา บางอย่างก็ไม่ถูกใจ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการอยู่ในชุมชนปัญญาประทีปจึงเป็นการอยู่ร่วมกับเขาเหล่านั้นโดยไม่ขัดแย้ง ยอมรับกันและกัน ซึ่งเราต้องเปิดใจ พยายามจะเข้าใจความหลากหลายผ่านเหตุปัจจัยที่แตกต่าง และเมื่อเราต้องมาเป็นสมาชิกของสังคมอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายมากขึ้น
นอกจากกิจกรรมในโรงเรียนแล้ว ทุกเทอมพวกเราจะได้ไปทัศนศึกษานอกโรงเรียน ที่เรียกว่า “ทริปเรียนรู้นอกกะลา” โดยรุ่นหิ่งห้อย 2 ที่ผมอยู่มักได้ไปทริปที่มีการเดินป่าอยู่บ่อยๆ ทำให้ผมชอบเดินป่าไปโดยปริยาย สำหรับผม การเดินป่าเป็นการพักผ่อนจากโลกที่วุ่นวาย ไปอยู่กับป่าไม้ ใบหญ้า และสายลม รวมทั้งยังได้กลับไปสำรวจธรรมชาติในตัวด้วย ถึงแม้ว่าอาจจะลำบากบ้าง แต่ถ้าเปิดใจ ก็จะรู้สึกสนุก เพลิดเพลิน และได้รับประโยชน์มากมายจากการเดินทางครั้งนั้นเลยครับ นอกจากนั้น อีกกิจกรรมที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจผมคือช่วงงานปัจฉิมนิเทศของทุกปี โดยเฉพาะในงานปัจฉิมนิเทศของรุ่นตัวเอง เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทำให้ผมเห็นถึงความผูกพันของพวกเราชาวปัญญาประทีป เพราะถึงการจากลาจะเป็นเรื่องชวนให้เสียใจ แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ผมคิดว่าเราได้แสดงความจริงใจและความปรารถนาดีต่อกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร รวบยอดความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันมาไว้ในงานนี้ ดังนั้นเมื่อผมระลึกถึงบรรยากาศและความรู้สึกที่เกิดขึ้นในงานปัจฉิมนิเทศแล้ว ย่อมระลึกถึงช่วงเวลาที่ดีในโรงเรียนเช่นกัน
ถึงแม้ว่าผมจะยังจบจากโรงเรียนได้ไม่นานพอที่จะเห็นผลของพุทธปัญญาที่มีต่อบททดสอบในชีวิตขนาดนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าพุทธปัญญามีบทบาทสำคัญต่อความคิดของผมคือ ทำให้ผมหมั่นตรวจสอบชีวิตของตนอยู่บ่อย ๆ ว่าในช่วงนี้ใช้ชีวิตอย่างสมดุลหรือไม่ ขี้เกียจเกินไปจนไม่มีเวลาทำหน้าที่ที่มีต่อตนเองและผู้อื่นในฐานะลูก หลาน เพื่อน ลูกศิษย์ หรือทำหน้าที่ที่มนุษย์คนหนึ่งพึงทำในการพัฒนาตนเองเพื่อให้พ้นจากความทุกข์อย่างเต็มที่หรือเปล่า เพราะในบางครั้ง ชีวิตก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนไม่ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ การหมั่นทบทวนชีวิตจึงเป็นการระบุปัญหาเพื่อให้สามารถแก้ไขได้ถูกจุด และพัฒนาชีวิตให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น